สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก ของ เฮเลนาแห่งสวีเดน (ศตวรรษที่ 12)

ปลายปีค.ศ. 1156 กษัตริย์คนุตที่ 5 เสด็จสวีเดนเพื่อปลอบพระทัยพระราชชนนีหลังเหตุการณ์การลอบปลงพระชนม์กษัตริย์สแวร์เกอร์ (พระราชชนนีของกษัตริย์คนุตที่ 5 ได้เป็นพระมเหสีองค์ถัดมาของกษัตริย์สแวร์เกอร์) ในช่วงนั้นพระองค์ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสวีเดน[5] ดังนั้นพระนางเฮเลนาจึงเสด็จออกจากสวีเดนเพื่อเป็นพระราชินีแห่งเดนมาร์ก ซึ่งพระนางจะทรงครองตำแหน่งในเวลาสั้นๆ และน่าเศร้าใจ[6] ในปีค.ศ. 1157 กษัตริย์คนุตและกษัตริย์วัลเดมาร์เสด็จไปงานเลี้ยงเจรจาไกล่เกลี่ยที่รอสกิลด์ซึ่งกษัตริย์สเวนที่ 3 ทรงจัดขึ้น ระหว่างงานเลี้ยงกษัตริย์สเวนสั่งทหารเข้ามาปลงพระชนม์กษัตริย์ทั้งสอง และกษัตริย์คนุตทรงถูกปลงพระชนม์ ส่วนกษัตริย์วัลเดมาร์ทรงหลบหนีไปได้ กษัตริย์สเวนถูกฝ่ายของกษัตริย์วัลเดมาร์ตามปลงพระชนม์ในปีเดียวมา ทำให้กษัตริย์วัลเดมาร์เป็นผู็ชนะหนึ่งเดียวในสงครามกลางเมืองเดนมาร์ก หลังจากนั้นสมเด็จพระราชินี หรือ พระพันปีหลวงเฮเลนาเสด็จกลับสวีเดน หลังพระราชสวามีสวรรคต จากสำเนารายชื่อในศตวรรษที่ 16 เกี่ยวกับผู้บริจาคเงินในช่วงยุคกลางระบุว่า สมเด็จพระราชินีเฮเลนาทรงบริจาคที่ดินในตำบลสลากาแก่อารามวเรตาในเอิสเตร์เยิตลันด์ จากนั้นพระนางก็อุทิศพระองค์ในอารามนี้ในฐานะแม่ชี[7] ด้วยเหตุนี้นักประวัติศาสตร์บางคนสันนิษฐานว่า พระราชินีของกษัตริย์คนุตทรงปลีกพระองค์จากโลกภายนอกหลังจากพระราชสวามีถูกปลงพระชนม์ ในปีค.ศ. 1158 ทรงเข้าร่วมเข้าคณะภคินีกับเจ้าหญิงอิงเงอร์เกิร์ดแห่งสวีเดน (สิ้นพระชนม์ค.ศ. 1204) พระเชษฐภคินี ซึ่งเป็นอธิการิณีของอารามวเรตา[1]